ประเภทของฟิล์ม บ้าน คอนโด และอาคาร

แผ่นฟิล์ม ทำหน้าที่เป็นด่านแรก กรองแสงและความร้อน เสมือนโล่ห์ที่สะท้อนความร้อนออกไป
กาว ทำหน้าที่ยึดเกาะฟิล์มกับกระจก เสมือนตีนตุ๊กแกที่ยึดติดแน่น ทนทาน
สารเคลือบ เปรียบเสมือนชุดเกราะพิเศษ ป้องกันรอยขีดข่วน กันน้ำ กันรังสียูวี

ฟิล์มมหัศจรรย์นี้ ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1960 โดยบริษัท 3M จากประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นจากการใช้ในรถยนต์เพื่อลดแสงแดดและความร้อน
ต่อมา ดร. ริชาร์ด ฮิวจ์ นักวิทยาศาสตร์จากบริษัท 3M ได้พัฒนาฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารโดยเฉพาะ เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็นบ้านเย็นสบาย ป้องกันเฟอร์นิเจอร์เสื่อมสภาพ
ปัจจุบัน ฟิล์มมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน
ฟิล์มกันร้อน : เหมาะสำหรับบ้านที่โดนแดดจัด ช่วยลดความร้อนภายในบ้าน
ฟิล์มกรองแสง: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการแสงสว่าง แต่ต้องการลดแสงจ้า
ฟิล์มกัน UV: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการป้องกันรังสียูวี
ฟิล์มใส: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ยังต้องการแสงสว่าง
ฟิล์มสะท้อนแสง: เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการลดความร้อน และความเป็นส่วนตัว

การเลือกฟิล์ม:
พิจารณาจากทิศทางของบ้าน
ประเภทของกระจก
ความต้องการใช้งาน

ข้อควรระวัง:
ฟิล์มบางประเภทอาจส่งผลต่อสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หรือสัญญาณ Wi-Fi
ควรเลือกช่างติดฟิล์มที่มีประสบการณ์
ควรอ่านคู่มือการติดตั้งและใช้งานฟิล์มอย่างละเอียด
ฟิล์มติดบ้านและอาคาร เปรียบเสมือนฮีโร่ผู้พิทักษ์บ้านของคุณจากแสงแดดจ้า เลือกฟิล์มให้เหมาะกับบ้าน เพียงเท่านี้ บ้านของคุณก็จะเย็นสบาย น่าอยู่อาศัย

คุณสมบัติ และประเภทของฟิล์ม บ้าน คอนโด และอาคาร
ฟิล์มสำหรับบ้าน คอนโด และอาคาร มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
คุณสมบัติหลักของฟิล์ม
ลดความร้อน: ฟิล์มกรองแสงสามารถลดความร้อนจากแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาภายในบ้าน คอนโด หรืออาคาร ทำให้ภายในเย็นสบาย อุณหภูมิภายในลดลง ช่วยให้ประหยัดค่าไฟจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศ
ป้องกันรังสี UV: ฟิล์มกรองแสงสามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ และมะเร็งผิวหนัง ช่วยปกป้องเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านไม่ให้ซีดจาง
เพิ่มความเป็นส่วนตัว: ฟิล์มกรองแสงช่วยลดแสงจ้าจากภายนอก ทำให้มองเห็นภายในบ้าน คอนโด หรืออาคาร ได้ยากขึ้น เพิ่มความเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับบ้านที่อยู่ติดถนน หรือบ้านที่มีคนพลุกพล่าน
เพิ่มความปลอดภัย: ฟิล์มกรองแสงบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยยึดเกาะกระจกไว้ กรณีกระจกแตกจากอุบัติเหตุ ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บจากเศษกระจก
สวยงาม: ฟิล์มกรองแสงมีให้เลือกหลายแบบ หลายสี หลายระดับความเข้ม สามารถเลือกให้เหมาะกับสไตล์ของบ้าน คอนโด หรืออาคาร ช่วยเพิ่มความสวยงาม

ประเภทของฟิล์ม
ฟิล์มกรองแสงแบบใส: เน้นลดความร้อน ป้องกันรังสี UV เหมาะกับห้องที่ต้องการแสงสว่าง
ฟิล์มกรองแสงแบบปรอท: เน้นลดความร้อน กันความร้อนได้ดี เหมาะกับห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
ฟิล์มกรองแสงแบบคาร์บอน: เน้นลดความร้อน ป้องกันรังสี UV เหมาะกับห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
ฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก: เน้นลดความร้อน ป้องกันรังสี UV เหมาะกับห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
ฟิล์มนิรภัย: เน้นเพิ่มความปลอดภัย ช่วยยึดเกาะกระจกไว้ กรณีกระจกแตกจากอุบัติเหตุ
ฟิล์มตกแต่ง: เน้นเพิ่มความสวยงามให้กับกระจก มีให้เลือกหลายแบบ หลายสี
ฟิล์มกันรอย: เน้นป้องกันรอยขีดข่วนบนกระจก เหมาะกับกระจกเฟอร์นิเจอร์

การเลือกฟิล์ม
ควรเลือกฟิล์มให้เหมาะกับการใช้งาน พิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
ความต้องการใช้งาน: ต้องการลดความร้อน ป้องกันรังสี UV เพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือเพิ่มความปลอดภัย
ทิศทางของบ้าน: บ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้จะรับแสงแดดมาก ควรเลือกฟิล์มที่มีความเข้มสูงในการกันความร้อน
งบประมาณ: ฟิล์มมีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและประเภทของฟิล์ม

ฟิล์มแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
ฟิล์มเซรามิค: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มที่มีประสิทธิภาพสูง กันความร้อนได้ดีเยี่ยม ป้องกันรังสี UV สูง ใส มองเห็นวิวภายนอกชัดเจน และอายุการใช้งานยาวนาน
ฟิล์มนิรภัย: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันการแตกของกระจก
ฟิล์มปรอท: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มราคาไม่แพง กันความร้อนได้ดี และกันแสงจ้า
ฟิล์มคาร์บอน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มราคาปานกลาง กันความร้อนได้ดี ป้องกันรังสี UV สูง และไม่สะท้อนแสง
ฟิล์มนาโน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มที่มีประสิทธิภาพสูง กันความร้อนได้ดี ป้องกันรังสี UV สูง ใส มองเห็นวิวภายนอกชัดเจน กันน้ำ และทำความสะอาดง่าย
ฟิล์มใส: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มราคาถูก ใส มองเห็นวิวภายนอกชัดเจน และกันรังสี UV
ฟิล์มดำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มราคาถูก กันความร้อนได้ดี และกันแสงจ้า