ถอดรหัสความคุ้มค่า: ทำไมการเลือกโรงงานกระจกโดยตรงจึงช่วยลดต้นทุนโครงการได้อย่างแท้จริง

ถอดรหัสความคุ้มค่า: ทำไมการเลือกโรงงานกระจกโดยตรงจึงช่วยลดต้นทุนโครงการได้อย่างแท้จริง
ในยุคที่การแข่งขันด้านอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างสูงขึ้นทุกปี การบริหารต้นทุนวัสดุให้มีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ หนึ่งในวัสดุที่มีผลต่อ
“Total Project Cost” อย่างมากคือ กระจก โดยเฉพาะอาคารสำนักงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม ที่ใช้กระจกเป็นองค์ประกอบหลัก
การจัดซื้อจาก โรงงานกระจกโดยตรง (Direct Procurement) ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในด้านการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Optimization) ดังนี้

1. ลดค่าใช้จ่าย Supply Chain
กระบวนการสั่งซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายมักมีการบวกกำไรในทุกชั้นการขาย ต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10–25% ต่อโครงการ ขณะที่การสั่งตรงจากโรงงานสามารถลดต้นทุนได้ทันที
เพราะตัด “ค่า Distributor Margin” ออกไป
ตัวอย่าง:
โครงการอาคารสำนักงานที่ใช้กระจก 5,000 ตร.ม. หากซื้อผ่านตัวแทนที่ราคาเฉลี่ย 850 บาท/ตร.ม. จะมีค่าใช้จ่ายรวม 4,250,000 บาท แต่ถ้าซื้อจากโรงงานโดยตรงในราคาเฉลี่ย 720 บาท/ตร.ม.
ค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 3,600,000 บาท ประหยัดกว่า 650,000 บาท

2. การเลือกสเปกที่เหมาะสม (Specification Optimization)
โรงงานสามารถให้คำแนะนำด้านสเปกเชิงเทคนิคที่ตรงกับความต้องการจริง ช่วยหลีกเลี่ยงการ Over-Spec ที่ทำให้ต้นทุนบานปลาย เช่น จากเดิมที่สั่งกระจก 10 มม. อาจใช้เพียง 8 มม.
ก็เพียงพอตามมาตรฐานความปลอดภัย และช่วยลดต้นทุนได้ถึง 15%

3. ลดความเสี่ยงและความล่าช้า (Risk & Delay Mitigation)
เมื่อทำงานร่วมกับโรงงานโดยตรง การประสานงานจะสั้นลง ลดความผิดพลาดจากการสื่อสารหลายทอด เช่น แบบที่ผลิตไม่ได้ตามสเปกจริง หรือความล่าช้าในการแก้ไขระหว่างทาง
สิ่งเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายโครงการ (Time = Cost)

4. ความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขาย
โรงงานสามารถให้ Factory Warranty ที่ชัดเจน รวมถึงบริการ Technical Support โดยตรงต่อทีมโครงการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมามองหา
เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝงในระยะยาว เช่น ค่าซ่อมแซม หรือค่าทดแทนวัสดุที่เสียหาย

5. Value Creation ต่อโครงการ
เงินลงทุนที่ประหยัดได้จากการสั่งตรงจากโรงงาน สามารถนำไปใช้เพิ่มมูลค่าโครงการในด้านอื่น เช่น การลงทุนในวัสดุตกแต่ง, ระบบ Building Technology หรือเพิ่มคุณภาพ Facility
ของอาคาร ทำให้โครงการมีความแตกต่างและแข่งขันได้มากขึ้น

สรุปสำหรับผู้บริหารโครงการ
การเลือกโรงงานกระจกโดยตรงไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ด้าน “Cost Saving” เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้าง ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน (Competitive Advantage)
ผ่านการจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง และเพิ่มมูลค่าโดยรวมให้กับโครงการอย่างแท้จริง
สำหรับผู้พัฒนาโครงการและองค์กรในภาคการก่อสร้าง การปรับแนวทางจัดซื้อมาเป็น “Direct Procurement with Factory”

จึงเป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการเงินและคุณภาพในระยะยาว