กระจกฉนวน Low-E

กระจกฉนวน Low-E มีสองประเภทหลัก คือ Hard-Coated Low-E และ Soft-Coated Low-E โดย Hard-Coated Low-E เป็นกระจกที่เคลือบโลหะโดยการพ่นไอโลหะในขณะที่กระจกยังอยู่ในขั้นตอนการหลอมเหลว
กระจกประเภทนี้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วน และสามารถใช้แบบแผ่นเดี่ยวได้ แต่ไม่เหมาะกับเมืองร้อน เพราะไม่สามารถกันความร้อนได้ดีเท่า Soft-Coated Low-E Soft-Coated Low-E
เป็นกระจกที่เคลือบโลหะโดยการใช้ขั้วแม่เหล็กไฟฟ้าช่วยเหนี่ยวนำโลหะให้ติดบนผิวกระจกที่หลอมเสร็จแล้วในห้องสุญญากาศ กระจกประเภทนี้มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง
แต่ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน จึงต้องใช้แบบประกบกับกระจกชั้นอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเสียหายของผิวเคลือบ
กระจกฉนวน Low-E เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านพักอาศัย อาคารสูง อาคารสำนักงาน โรงแรม อาคารพาณิชย์ ห้องสมุด  

- กระจกฉนวนที่เติมก๊าซอะไร

 กระจกฉนวนคือกระจกที่ประกอบด้วยสองแผ่นกระจกหรือมากกว่าที่มีช่องว่างระหว่างแผ่นกระจกเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนและเสียงระหว่างภายในและภายนอกอาคาร ช่องว่างระหว่างแผ่นกระจกสามารถเติม
ได้ด้วยอากาศหรือก๊าซต่างๆ เช่น อาร์กอน ไครปทอน หรือซัลเฟอร์เฮกซาฟลูออไรด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฉนวน

การเติมก๊าซในช่องว่างของกระจกฉนวนมีผลต่อการลดการถ่ายเทความร้อนได้เป็นอย่างมาก เพราะก๊าซที่ใช้มีค่าความต้านทานการถ่ายเทความร้อนสูงกว่าอากาศ และยังลดการสั่นสะเทือนของโมเลกุลในช่องว่างได้
บางประเภทของกระจกฉนวนยังใช้การเติมก๊าซที่มีคุณสมบัติดูดกลืนรังสีอินฟราเรด เพื่อลดการปล่อยความร้อนจากแผ่นกระจกไปสู่บริเวณใกล้เคียง
 
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกกระจกฉนวน
- การเลือกกระจกฉนวนตามสภาพภูมิอากาศ
 
กระจกฉนวนคือกระจกที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและแสง ทำให้ช่วยลดการใช้พลังงานในการปรับอุณหภูมิของห้องได้ แต่การเลือกใช้กระจกฉนวนนั้น จะต้องพิจารณาตามสภาพภูมิอากาศของแต่ละพื้นที่ด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด

สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ส่วนใหญ่มีอุณหภูมิสูง และมีแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ที่อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30-35 องศาเซลเซียส  ดังนั้น การเลือกใช้กระจกฉนวนในประเทศไทย ควรเลือกกระจกที่มีค่า
 U-value (ค่าความสูญเสียความร้อน) และ SHGC (Solar Heat Gain Coefficient) ต่ำ เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนและแสงจากด้านนอกเข้าไปในห้อง

U-value เป็นค่าที่บ่งบอกถึงการถ่ายเทความร้อนผ่านกระจกไปยังด้านตรงข้าม เช่น จากด้านในไปยังด้านนอก หรือจากด้านนอกไปยังด้านใน เมื่อ U-value ต่ำ หมายความว่ากระจกถ่ายเทความร้อนได้ไม่ดี จึงช่วยลดการเข้าของความร้อนจากด้านนอก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง

SHGC เป็นค่าที่บ่งบอกถึงการถ่ายเทพลังงานแสงและความร้อนจากรังสีแสงอินฟราเรดผ่านกระจก เมื่อ SHGC ต่ำ หมายความว่ากระจกไม่ผ่านพลังงานแสงและความร้อนไปยังด้านตรงข้ามได้ดี จึงช่วยลดการเข้าของแสงและความร้อนจากแสงอินฟราเรด

- การเลือกกระจกฉนวนตามแนวอาคาร
 
การเลือกใช้กระจกในอาคารเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ออกแบบต้องคำนึงถึง เพราะกระจกมีผลต่อการใช้พลังงาน ความสวยงาม และความปลอดภัยของอาคาร ดังนั้น การเลือกกระจกฉนวนที่เหมาะสมตามแนวอาคารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
กระจกฉนวนคือกระจกที่มีคุณสมบัติในการป้องกันหรือลดการถ่ายเทความร้อนและแสงระหว่างภายในและภายนอกอาคาร โดยมีหลายประเภท เช่น

- กระจกสี (Tinted Glass) เป็นกระจกที่ผสมโลหะออกไซด์เข้าไปในส่วนผสมของกระจก เพื่อให้กระจกมีสี และช่วยลดการส่องผ่านของแสงและความร้อน กระจกสีมีหลายสี เช่น เขียว เทา บรอนซ์ ฯลฯ
- กระจกฉนวนแสง (Reflective Glass) เป็นกระจกที่มีการเคลือบโลหะบางชั้นบนผิวกระจก เพื่อให้กระจกสะท้อนแสงได้ดี และตัดแสงไม่ให้ผ่านเข้าไปในอาคารได้มาก กระจกฉนวนแสงมีหลายสี เช่น เงิน ทอง ฟ้า ฯลฯ
- กระจก Low-E (Low-Emissivity Glass) เป็นกระจกที่มีการเคลือบโลหะหรืออ๊อกไซด์บางชั้นบนผิวกระจก เพื่อให้กระจกมีคุณสมบัติในการตัดแสง UV และ IR ไม่ให้ผ่านเข้าไปในอาคารได้ดี แต่ยังให้แสงปกติผ่านได้ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
- กระจก Low-E + Argon (Low-E + Argon Glass) เป็นกระจก Low-E ที่มีการเติมแก๊ส Argon เข้าไประหว่างช่องว่างของกระจก Low-E 2 ชั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฉนวนความร้อน